Category Archives: E-commerce

ทำไมลูกค้าถึงไม่มีวันเข้าเว็บไซต์ของคุณ? และ 6 คำแนะนำแก้ปัญหาให้หายขาด!

1. ชอบใช้คอนเทนต์เก่าๆ ผิดเป็นประจำ ไม่น่าเชื่อถือ
ไม่มีใครเชื่อถือเว็บไซต์ที่เปิดมาแล้วเจอแต่ข้อมูลเก่าๆหรอก ฉะนั้นต้องขยันป้อนคอนเทนท์ที่สดใหม่ถูกต้อง ถ้าคัดลอกคอนเทนท์จากแหล่งอื่น ก็ต้องมีแหล่งอ้างอิงเสมอ หรือถ้าคุณไม่ได้อัพเดทเว็บไซต์เป็นประจำ ก็อย่าใส่วันที่ลงไปเลย

2. ไม่รู้จักการสร้างสังคมออนไลน์
เพราะเว็บไซต์ไม่ใช่แค่เปิดอ่านแล้วเสพคอนเทนต์แล้วจบ แต่ยังเป็นพื้นที่ให้คนได้พูดคุย ไลค์ แชร์ได้อย่างอิสระ ทำกิจกรรมให้เกิดความสัมพันธ์ในชุมชนและตัวธุรกิจของคุณด้วย การมีเว็บบอร์ด ห้องแชทรูม ช่วยสร้างคอนเทนต์ให้เรา เกิดชุมชนในเว็บไซต์ได้

3. ขายของผ่านเว็บไซต์ไม่เป็น
ถ้าคิดแค่ว่าเว็บไซต์เป็นแค่แหล่งข้อมูลหรือไว้ทำโปรแกรมมิ่ง คุณอาจคิดผิด เพราะทุกเว็บไซต์สามารถเป็นแหล่งทำเงินได้ ลองเสนอสินค้าและบริการที่กำลังเป็นทที่นิยมขายดี ยิ่งแบรนด์ของคุณมีสาวกเข้าเว็บไซต์เข้ามาดูเป็นประจำแล้ว สินค้ายิ่งขายดี สร้างรายได้ให้ธุรกิจอีกทาง

4. สื่อสารกับลูกค้าบนเว็บไซต์ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น
เพราะยุคที่ผู้คนใช้อินเตอร์เน็ตเสพย์คอนเทนต์ผ่านมือถือกันหมดแล้ว ยิ่งเฉพาะคนไทยที่เฉลี่ยแล้วมีสมาร์ทดีไวซ์มากกว่าหนึ่งเครื่อง ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของเราและหาข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ใช่แค่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ฉะนั้นการโต้ตอบกับคนที่เข้ามาในเว็บไซต์ได้ทันเวลา แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้รวดเร็วก็จะทำให้ธุรกิจของเราได้เปรียบ

5. ไม่ยอมปรับแต่งเว็บไซต์ให้เข้ากับผู้ใช้
อย่าคิดว่าคนที่เข้ามาดูเว็บไซต์ของเราจะมีพฤติกรรมนิสัยเหมือนๆกัน เพราะต่างคนก็มีความชอบ พฤติกรรมการเล่นอินเตอร์เน็ตต่างกัน ฉะนั้นต้องเก็บข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้เว็บไซต์แต่ละคน ปรับแต่งรูปแบบเว็บไซต์และทำคอนเทนต์เข้ากับพฤติกรรมและความสนใจของแต่ละคนเป็นพิเศษ แม้แต่ให้ลูกค้าได้ปรับแต่งสินค้าได้เอง ให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษ ประทับใจ และเป็นส่วนตัว

6. เว็บไซต์ใช้งานไม่สะดวกและเข้าถึงยาก
เช่นถ้าใครเปิดเว็บไซต์ของคุณบนมือถือแล้วเปิดไม่ได้ หรือใช้เวลาโหลดนาน เขาก็ออกจากเว็บไซต์ของคุณทันที ฉะนั้นอย่าเสียโอกาส ทำให้เว็บไซต์ดูง่าย ถ้ามีเนื้อหาหลากหลายก็แบ่งหน้าเพจเป็น 3 คอลัมน์ ใช้รูปภาพและไอคอนแทนตัวหนังสือ แต่ต้องไม่ใหญ่จนโหลดช้า ตัวอักษรต้องอ่านสบายตา ใช้งานเว็บไซต์ง่าย รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน มี FAQ คอยแก้ปัญหาการใช้งานด้วย
แต่ไม่ใช่ว่าเน้นการใช้งานง่ายเพียงอย่างเดียว ต้องคำนึงถึงความสวยงามด้วย จะช่วยให้คนมั่นใจที่จะซื้อสินค้าใช้บริการมากขึ้น เพิ่มสินค้าที่ขายให้เยอะอย่างน้อย 20-30 แบบ ใส่ข้อมูลของสินค้าให้ครบ มีรูปถ่ายสินค้าหลายๆมุม เพิ่มโอกาสการค้นหาเจอใน Google

และเว็บไซต์ของคุณก็พร้อมลุยทำธุรกิจออนไลน์ได้ไม่ยาก! สนใจบริการ รับทำเว็บ ให้ goodspixel ดูแลคุณ

แหล่งที่มา

6 องค์ประกอบที่จะทำให้คนเข้าเว็บไซต์ จากหนังสือ “การตลาดออนไลน์ที่ใช่ มีแต่กำไร ไม่มีขาดทุน”

เพราะในปัจจุบัน เวลาเราอยาก จะซื้ออะไร ก็พิมหาเอาใน กูเกิ้ล
พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทั้งหลาย ต้องดูสินค้าตัวเองกันให้ดี ว่าลูกค้าเราเป็นใคร
ก็คิดkeyword ใช้เรียกสินค้าเรา เพื่อไปลงโษณาในกูเกิ้ล Adword แต่ทว่า
ถ้าKey word ที่เราระบุนั้นใครๆเขาก็ใช้กันหมด รับรองแพงแน่ๆครับ
วิธีทำให้โฆษณาถูกลงมีหลายวิธีครับ เช่น ทำเว็บไซต์ให้รองรับทุกหน้าจอ
เว็บไซต์มีเนื้อหาที่ทำขึ้นเอง หรือถ้าเราขายสินค้าเฉพาะกลุ่มอยู่แล้ว
ลองนึกตามนี้ดูครับ
สินค้าเราคืออะไร
ลูกค้าเราเป็นใคร
คุณสมบัติ ลักษณะเด่นของสินค้า
ยกตัวอย่างเช่นเราขาย จิลเวอรรี่
สินค้าเราคือ พลอยสีแดง
ลูกค้าเราเป็นใคร ลูกค้าเราคือคนที่เกิดราศีมีน
คุณสมบัติ ใส่แล้วเสริมดวงให้ร่ำรวย
Keyword เลยออกมาเป็น พลอยสีแดงสำหรับราศีมีนใส่แล้วร่ำรวย
ซึ่งเวลาไปลงโฆษณา นอกจากจะไม่แพงแล้ว ยังติดหน้าแรกง่ายๆอีกด้วย
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

เมื่อรัฐบาลกำหนดให้ SMEs มีบัญชีเดียว เพื่อความโปร่งใสในการชำระภาษี โดยไม่ตามเก็บภาษีย้อนหลัง ซึ่งนโยบายนี้ได้หมายรวมถึงการค้าขายในโลกออนไลน์ด้วย ทั้งการจดทะเบียนในรูปแบบนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา ได้กำหนดรายได้ที่ต้องเสียภาษีไว้ดังนี้

1.ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดา ได้แก่ บุคคลธรรมดา คณะบุคคล ห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล ต้องนำเงินได้จาก e-Commerce ไปรวมคำนวณ กับเงินได้จากแหล่งอื่นถ้ามี เช่น เงินเดือน ดอกเบี้ย โดยยื่นแบบ แสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.94 ภายในเดือนกรกฎาคม ถึง เดือนกันยายน ของปี และยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.90 ภายในเดือนมกราคม ถึงเดือนมีนาคมของปีถัดไป
เงินได้สุทธิ 1-150,000 บาท ได้รับยกเว้น
เงินได้สุทธิ 150,001-300,000 บาท อ้ตรา 5%
เงินได้สุทธิ 300,001-500,000 บาท อัตรา 10%
เงินได้สุทธิ 500,001-750,000 บาท อ้ตรา 15%
เงินได้สุทธิ 750,001-1,00,000 บาท อ้ตรา 20%
เงินได้สุทธิ 1,000,001-2,000,000 บาท อ้ตรา 25%
เงินได้สุทธิ 2,000,001-4,000,000 บาท อ้ตรา 30%
เงินได้สุทธิ 4,000,000 ขึ้นไป อ้ตรา 35%
2.ภาษีเงินได้นิติบุคคล

ผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย หรือนิติบุคคลต่างประเทศที่มีสาขาในประเทศไทย มีรายได้จากการขายสินค้าหรือให้บริการแก่ผู้ซื้อที่อยู่ณ ที่ใด ๆก็ตาม ต้องนำรายได้ จากการประกอบกิจการ มารวมคำนวณกำไรสุทธิตามเงื่อนไข ที่ระบุไว้ในมาตรา65 ทวิ และมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร หากกิจการขาดทุนสุทธิไม่ต้องเสียภาษี โดยยื่นแบบ แสดงรายการ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภ.ง.ด.51 ภายใน 2 เดือนนับจากวันสุดท้ายของทุก 6 เดือนแรกของรอบระยะเวลาบัญชี และยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.50 ภายใน 150 วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี
รายได้ 1-300,000 บาท ยกเว้น
รายได้ 300,001-1,000,000 บาท 15%
รายได้ 1,000,001 บาทขึ้นไป 20%
3.ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้แก่ ผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ที่ขายสินค้าหรือให้บริการในทางธุรกิจหรือวิชาชีพในประเทศไทย หรือผู้นำเข้าสินค้า โดยผู้ประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการที่มีรายรับเกินกว่า 1,800,000 บาทต่อปี จะต้องจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จัดทำรายงานภาษีขาย รายงานภาษีซื้อ และยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ.30 ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ไม่ว่าผู้ประกอบการจะมีรายรับหรือไม่ก็ตาม
ที่มาข้อมูล: กรมสรรพากร

ปี 2017 จะเป็นศึกยักษ์ชนยักษ์ระหว่าง Amazon กับ Alibaba โดยทั้งสองฝ่ายเริ่มเข้ามาบุกตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว
ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ซีอีโอกลุ่มบริษัท Efrastructure Group ผู้ร่วมก่อตั้ง TARAD.com และนายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย กล่าวว่าผู้ประกอบการรายย่อยจะต้องหาทางสร้างความแตกต่างไปจากธุรกิจคู่แข่งรายใหญ่โดยสิ้นเชิง ขณะที่ E-Marketplace จะหดตัวลงอย่างแน่นอน และจะมีสินค้าจีนทะลักเข้ามาในไทยและอาเซียนมากขึ้น
ทั้ง Amazon และ Alibaba ต่างก็ใช้กลยุทธ์ Omnichannel บุกทั้งตลาดออนไลน์และออฟไลน์ โดย Amazon ตั้งเป้าว่าจะเปิดให้บริการร้านสะดวกซื้อ Amazon Go ในปีนี้ ขณะที่ Alibaba เดินเกมด้วยการขอซื้อกิจการของกลุ่มบริษัท Intime Retail เจ้าของธุรกิจห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ในจีน
เทรนด์โซเชียลคอมเมิร์ซ (Social Commerce) จะปรับรูปแบบไปสู่แชตคอมเมิร์ซ (Chat Commerce) พร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการทำธุรกิจ เช่น แชตบอต ระบบตอบข้อความอัตโนมัติ

สรุปภาพรวมปี 2016 เพื่อปูทางสู่ปี 2017
ก่อนหน้านี้ The Momentum ได้สรุปภาพรวมของสถานการณ์อีคอมเมิร์ซไทยในปี 2016 (เหตุการณ์ข้อที่ 85) ไว้แล้ว รวมทั้งข่าวความก้าวหน้าของ Amazon ที่เขย่าวงการค้าปลีกด้วยการเปิดตัวคอนเซ็ปต์ร้านค้าอัจฉริยะ Amazon Go บริการส่งสินค้าด้วยโดรน Amazon Prime Air
และผลกระทบจาก Amazon Effect ต่อห้างสรรพสินค้าในสหรัฐอเมริกา
แต่น้อยคนจะรู้ว่า Amazon ยังประสบความสำเร็จทางด้านการพัฒนาระบบของศูนย์กระจายสินค้าด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ทำระบบ Dynamic Pricing เพื่อปรับเปลี่ยนราคาสินค้าตามช่วงเวลา โดยใช้ Big Data Analytics และลงทุนในธุรกิจคลาวด์ที่ทำเงินมหาศาล ทำให้ Amazon ยังคงเป็นผู้นำในตลาดนี้ ข่าวที่ว่า Amazon เริ่มเข้ามาจับธุรกิจเดลิเวอรีอาหารสดในสิงคโปร์แล้ว จึงทำให้วงการค้าปลีกกังวลอยู่ไม่น้อย
ทางฝั่ง Alibaba เองได้ประกาศว่าจะปฏิวัติการค้าปลีกไปสู่รูปแบบใหม่ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยจะนำ Internet of Things, Big Data และเทคโนโลยีดิจิทัลอื่นๆ เข้ามายกระดับอุตสาหกรรม และจะรุกคืบเข้ามาในไทยหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังจากร่วมมือกับรัฐบาลไทย ทั้งในด้านอีคอมเมิร์ซและธุรกิจสายฟินเทค (อ่านต่อ จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อแจ็ก หม่า ยกทัพ Alibaba บุกไทย)

CR. Themomentum