ปี 2017 จะเป็นศึกยักษ์ชนยักษ์ระหว่าง Amazon กับ Alibaba โดยทั้งสองฝ่ายเริ่มเข้ามาบุกตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว
ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ซีอีโอกลุ่มบริษัท Efrastructure Group ผู้ร่วมก่อตั้ง TARAD.com และนายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย กล่าวว่าผู้ประกอบการรายย่อยจะต้องหาทางสร้างความแตกต่างไปจากธุรกิจคู่แข่งรายใหญ่โดยสิ้นเชิง ขณะที่ E-Marketplace จะหดตัวลงอย่างแน่นอน และจะมีสินค้าจีนทะลักเข้ามาในไทยและอาเซียนมากขึ้น
ทั้ง Amazon และ Alibaba ต่างก็ใช้กลยุทธ์ Omnichannel บุกทั้งตลาดออนไลน์และออฟไลน์ โดย Amazon ตั้งเป้าว่าจะเปิดให้บริการร้านสะดวกซื้อ Amazon Go ในปีนี้ ขณะที่ Alibaba เดินเกมด้วยการขอซื้อกิจการของกลุ่มบริษัท Intime Retail เจ้าของธุรกิจห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ในจีน
เทรนด์โซเชียลคอมเมิร์ซ (Social Commerce) จะปรับรูปแบบไปสู่แชตคอมเมิร์ซ (Chat Commerce) พร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการทำธุรกิจ เช่น แชตบอต ระบบตอบข้อความอัตโนมัติ
สรุปภาพรวมปี 2016 เพื่อปูทางสู่ปี 2017
ก่อนหน้านี้ The Momentum ได้สรุปภาพรวมของสถานการณ์อีคอมเมิร์ซไทยในปี 2016 (เหตุการณ์ข้อที่ 85) ไว้แล้ว รวมทั้งข่าวความก้าวหน้าของ Amazon ที่เขย่าวงการค้าปลีกด้วยการเปิดตัวคอนเซ็ปต์ร้านค้าอัจฉริยะ Amazon Go บริการส่งสินค้าด้วยโดรน Amazon Prime Air
และผลกระทบจาก Amazon Effect ต่อห้างสรรพสินค้าในสหรัฐอเมริกา
แต่น้อยคนจะรู้ว่า Amazon ยังประสบความสำเร็จทางด้านการพัฒนาระบบของศูนย์กระจายสินค้าด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ทำระบบ Dynamic Pricing เพื่อปรับเปลี่ยนราคาสินค้าตามช่วงเวลา โดยใช้ Big Data Analytics และลงทุนในธุรกิจคลาวด์ที่ทำเงินมหาศาล ทำให้ Amazon ยังคงเป็นผู้นำในตลาดนี้ ข่าวที่ว่า Amazon เริ่มเข้ามาจับธุรกิจเดลิเวอรีอาหารสดในสิงคโปร์แล้ว จึงทำให้วงการค้าปลีกกังวลอยู่ไม่น้อย
ทางฝั่ง Alibaba เองได้ประกาศว่าจะปฏิวัติการค้าปลีกไปสู่รูปแบบใหม่ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยจะนำ Internet of Things, Big Data และเทคโนโลยีดิจิทัลอื่นๆ เข้ามายกระดับอุตสาหกรรม และจะรุกคืบเข้ามาในไทยหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังจากร่วมมือกับรัฐบาลไทย ทั้งในด้านอีคอมเมิร์ซและธุรกิจสายฟินเทค (อ่านต่อ จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อแจ็ก หม่า ยกทัพ Alibaba บุกไทย)
CR. Themomentum